ความต่างระหว่างเซ็กใส่ถุงยางกับไม่ใส่ เป็นอย่างไร
การมีเซ็กย่อมเป็นสิ่งที่หลายคนพึงปรารถนา เพราะเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้กับตัวเองและคู่รัก รวมถึงทำให้ผ่อนคลายในหลายๆด้านด้วย เซ็กมักจะเป็นความละเอียดอ่อนของคนสองคน ซึ่งหากคู่รักไหนจะถึงฝั่งฝันได้ ย่อมต้องขึ้นอยู่กับลีลา ท่าทาง และการสอดใส่ ทั้งนี้การสอดใส่ย่อมมีความต่างในเรื่องของสัมผัส หากสัมผัสมีการเสียดสีมาก ก็จะยิ่งเสียวและเสร็จไวมาก แต่ถ้าการเสียดสีเกิดมีมากจนเกินไป ปัญหาการอักเสบหลังเสร็จก็มีโอกาสเป็นได้เหมือนกัน ยกตัวอย่าง การใส่ถุงยางกับการไม่ใส่ถุงยาง ก็มีความต่างในเรื่องสัมผัสและการเสียดสี มีทั้งข้อดีข้อเสียต่างกันไป เราลองไปดูกันครับว่า การมีเซ็กกันระหว่างใส่ถุงยางกับไม่ใส่ถุงยาง มีความต่างกันอย่างไรบ้าง
ความต่างในการใส่ถุงยาง จะขึ้นอยู่กับชนิดยี่ห้อและผิวสัมผัสของมัน แต่ที่แน่นอนที่สุด ก็คือมันจะช่วยลดอาการเสียดสีและลดความรู้สึกหลั่งเร็วได้ แต่ความรู้สึกนี้ก็ย่อมมีข้อดีข้อเสียต่างกัน นั่นคือ ถึงมันจะช่วยเพิ่มความหล่อลื่นและการเข้าถึงของสาวๆได้ดีก็ตาม แต่สำหรับคุณผู้ชายที่ทำนานเกินไป ก็อาจจะรู้สึกเหนื่อยหรือรู้สึกค้างคาก็เป็นได้
ด้วยจากที่มันมีผิวสัมผัสที่ลื่นในระดับหนึ่ง แต่มันจะไม่ลื่นเสมอไปเมื่อมีเซ็กไปได้สักพักแล้ว ฉะนั้นการที่เราใช้โอกาสของถุงยางสอดใส่เข้าไปลึกๆ มันจะยิ่งช่วยให้การเล่นท่ายากเป็นไปได้อย่างดีขึ้น แถมไม่ทำให้หลุดง่ายด้วย เนื่องจากเมื่อเรามีเซ็กไปได้พักหนึ่ง ความลื่นของถุงจะลดหายไปจนกลายเป็นความแห้ง ทำให้สามารถดูดซับไม่ให้หลุด แต่ก็ยังคงการเสียดสีได้เรื่อยๆ ไม่เจ็บทั้งระหว่างมีเซ็กและหลังเสร็จแล้วนั่นเอง
ความต่างระหว่างการมีเซ็กแบบใส่ถุงกับไม่ใส่นั้น ส่วนมาก ผู้ชายเรามักจะชื่นชอบการไม่ใส่มากกว่า เพราะมันจะเพิ่มอารมณ์ความรู้สึกของน้องชายและช่วยให้เราสัมผัสน้ำหล่อลื่นของผู้หญิงได้ดีกว่าด้วย ทำให้เรามีความเสียวซ่านและดำเนินเซ็กไปได้เร่าร้อนกว่าการใส่ถุงเสียอีก แต่ข้อเสียของการไม่ใส่นั้น แน่นอนว่าเรื่องการป้องกันเท่ากับศูนย์ ผู้หญิงมีโอกาสท้องได้เกือบร้อยเปอร์เซ็น และทำให้เราหลั่งเร็วกว่าที่ควรจะเป็น แถมเวลาเปลี่ยนท่า หรืออยากจะเล่นท่ายาก ก็ทำให้มีโอกาสหลุดง่ายอีกด้วย ฉะนั้นแล้ว การมีเซ็กกันระหว่างใส่ถุงยางหรือไม่ใส่ก็ตาม ก็ย่อมมีข้อดีข้อเสียต่างกันอยู่แล้ว